คุณอภิศิลป์ ตรุงกานนท์

รีวิว Jitta Wealth 

ลงทุนในวิกฤติ สู่พอร์ต 100 ล้าน เป้าหมายยกกำลังสไตล์คุณบอย พันทิป

หนึ่งในนักลงทุนต้นแบบของ Jitta Wealth ที่หลายคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตา เพราะเป็นที่รู้จัก และอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ยุคแรกๆ เคยรีวิวการลงทุนกับ Jitta Wealth มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง นั่นก็คือคุณบอย อภิศิลป์ ตรุงกานนท์ Co-founder และ Chief Product Officer ของเว็บไซต์ Pantip ที่ตั้งเป้าให้เงินลงทุนเติบโตแบบยกกำลังมุ่งสู่เป้าหมายการสร้างพอร์ตเกษียณ 100 ล้านบาท ด้วยการมี Jitta Wealth เป็นเครื่องมือหลักในตลอดเส้นทางการลงทุน ควบคู่ไปกับกลยุทธ์การเลือกลงทุนแบบสวนตลาด เพื่อคว้าโอกาสในวิกฤติ ทำให้ผลตอบแทนที่ได้ “เป็นบวก” ในแทบทุกพอร์ต และพอร์ตล่าสุด Jitta Ranking Alpha ก็ยังคง +19.15% (วันที่ 26 ก.พ. 68 – 11 ก.ย. 68) 

หนึ่งในเว็บไซต์ที่อยู่คู่กับคนไทยมานานกว่า 20 ปีอย่าง Pantip.com เติบโตและยืนหยัด ท่ามกลางโซเชียลมีเดียอื่นๆ มาได้ ด้วยฝีมือของหัวเรือใหญ่อย่าง คุณบอย ที่ให้ความสนใจทั้งเรื่องของเทคโนโลยีและการลงทุนไปพร้อมกัน

ด้วยความรักในงานสายวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ที่ร่ำเรียนมา เขาจึงทำงานอยู่กับ Pantip ยาวนานกว่า 20 ปี ตั้งแต่วันที่ไม่มีเงินเดือน มาจนถึงวันที่ขึ้นเป็นหัวหน้า เพราะหลักในการใช้ชีวิต ที่มีหน่วยวัดเป็นความสุข

 “ความสุขของมนุษย์มีหลายปัจจัย ตั้งแต่ความต้องการพื้นฐาน เรื่องอาหาร ที่อยู่อาศัย สุขภาพที่แข็งแรง และการสร้างความมั่นคงในชีวิต ซึ่งก็ต้องใช้เงิน” 

คุณบอยจึงเลือก ‘ลงทุน’ ในที่ที่มั่นคงและเชื่อถือได้ นั่นก็คือการลงทุนกับ Jitta Wealth ที่ทุกวันนี้เขามีพอร์ตครบทุกนโยบายลงทุนแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ Jitta Ranking Alpha, Global ETF และ Thematic DIY ด้วยเป้าหมายที่จะปั้นพอร์ตแตะ 100 ล้านบาทให้ได้

เริ่มต้นการลงทุน จากเงินค่าขนมสู่หนึ่งแสนแรก

คุณบอยสนใจเรื่องการออมเงินตั้งแต่เด็ก เพราะคุณพ่อคุณแม่ที่เป็นนักบัญชีปลูกฝัง ด้วยการหยอดเงินในกระปุกออมสิน และพาไปเปิดสมุดบัญชีเงินฝาก ลองทำบัญชีรายรับรายจ่ายเองจากค่าขนมที่คุณพ่อคุณแม่ให้ บันทึกทุกวันว่าใช้เงินไปกับอะไรบ้าง จนติดเป็นนิสัยมาจนถึงปัจจุบัน

พอเข้ามัธยมปลายก็เริ่มหาเงินก้อนแรกได้ด้วยการแข่งคอมพิวเตอร์ ได้เงินรางวัล 2,000 บาท และถูกพาไปเปิดบัญชีธนาคาร นั่นทำให้เขารู้สึกสนุกกับการเห็นตัวเลขในบัญชีขยับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พอเข้ามหาวิทยาลัยก็หารายได้เพิ่ม เช่น รับเขียนโปรแกรม ฯลฯ รับจ้างทำระบบแบบสอบถามให้นักศึกษาปริญญาโท 

“ผมตั้งเป้าเอาไว้ว่า ถ้าจบมหาลัยอยากสะสมเงินให้ได้ 100,000 บาท ซึ่งก็ทำได้ เป็นแสนแรกที่สร้างความภูมิใจ และเป็นแรงบันดาลใจในการเดินหน้าต่อกับเส้นทางการเงินของตัวเอง หลังจากนั้นผมก็ฝากเงินในบัญชีฝากประจำ 2 ปี โดยแบ่งเงินเดือนครึ่งหนึ่งเพื่อออม เป็น 2 ปีที่มีวินัยและอดกลั้นมาก ที่จะไม่ซื้อของฟุ่มเฟือยต่างๆ การเก็บออมเงินมันทำให้เรา รู้สึกปลอดภัยและมั่นคงในชีวิต”

หนึ่งล้านแรกและบทเรียนจากหุ้น

เป้าหมายถัดไปของคุณบอยคือ อยากมี 1 ล้านแรกตอนอายุ 30 ปี ซึ่งเขาก็ตั้งเป้าหมายไปก่อนโดยที่ยังไม่รู้ว่าจะทำให้สำเร็จด้วยวิธีไหน แต่คุณบอยก็ไม่ได้เคร่งเครียดกับเป้าหมายมากถึงขั้นว่าแต่ละปีแต่ละเดือนต้องทำให้ได้เท่าไหร่ เพราะยอมรับว่าปัจจัยบางอย่างมันก็ควบคุมไม่ได้

หลังเรียนจบ คุณบอยเริ่มงานประจำที่ Pantip ด้วยเงินเดือนเริ่มต้น 20,000 บาท ซึ่งถือว่าดีมากในยุคนั้น ด้วยความที่ค่าใช้จ่ายตอนเรียนจบใหม่ๆ ยังไม่มาก คุณบอยจึงแบ่งเงินเดือนครึ่งหนึ่งไปฝากประจำ 24 เดือน รวมเป็นเงินก้อนกว่า 240,000 บาท

คุณบอยนำเงินก้อนนั้นไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลตามคำแนะนำของพ่อแม่ ซึ่งตอนนั้นตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพันธบัตรคืออะไร รู้แต่ว่ามั่งคง จ่ายดอกเบี้ยตรงตามสัญญา และได้เงินต้นคืนเมื่อครบกำหนด

สิบล้านด้วยวินัยและ Jitta Wealth 

พอเริ่มมีเงินเก็บเยอะขึ้น โอกาสการลงทุนก็จะเยอะขึ้นตาม คุณบอยเริ่มสนใจตลาดหุ้น อ่านหนังสือของ ดร.นิเวศน์ ที่เป็นลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investing: VI)  และนั่นก็ทำให้เขาสร้าง 1 ล้านบาทแรกสำเร็จตอนอายุ 30 ปี 

“สิ่งที่ผมชอบในการลงทุนแบบนี้ คือมันมีเหตุผล มีหลักการที่มาที่ไป เพราะมันคือการที่เราได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งกับบริษัท หรือเป็นเจ้าของบริษัทนั้น เราจึงสนใจการลงทุนในแนวทางนี้ ” 

อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่คุณบอยได้หลายบทเรียนจากการลงทุน โดยเฉพาะการเข้าซื้อหุ้นดีราคาถูกในช่วงที่มีข่าวร้าย จากการเลือกลงทุนหุ้นพื้นฐานดีตัวหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากข่าวร้าย และนั่นก็ทำให้พอร์ตของเขาแตะล้านแรกได้สำเร็จ และทำให้ได้เรียนรู้เคล็ดลับการลงทุนที่ว่า “วิกฤติของคนอื่น คือโอกาสของเรา”

หลังจากบรรลุเป้าหมายล้านแรก คุณบอยก็ตั้งเป้าหมายใหม่ในช่วงเรียนปริญญาโท ซึ่งเป็นจังหวะที่ได้ลงเรียนวิชาการเงิน และเริ่มมองเห็นโลกการลงทุนในมิติที่ลึกขึ้นกว่าเดิม จากเดิมที่เคยอ่านตีแตกของ ดร.นิเวศน์ ที่เน้นดูราคาต่อกำไร (ค่า P/E) เป็นหลัก มาสู่การเรียนรู้วิธีประเมินมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นแต่ละตัว

แม้จะได้ฝึกทำการบ้านประเมินมูลค่าบริษัทจริงๆ แต่คุณบอยก็ยอมรับว่ามันเป็นงานที่ใช้พลังมาก จึงย้อนกลับไปคิดถึงคำสอนของอาจารย์สมัยเรียนวิศวะ ที่เคยบอกว่า งานบางอย่างคือ ‘งานตัวบวก’ ต้องลงแรงและเวลาเองเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ ขณะที่ ‘งานตัวคูณ’ คือการสร้างเครื่องจักรที่ทำงานแทนเราแต่สิ่งที่อาจารย์ทิ้งไว้โดยไม่เฉลยคือ ‘งานยกกำลัง’ ซึ่งคุณบอยมองว่ามันคือต้นทุนที่ถูกนำไปทบต้นในโลกการเงิน ทำให้กราฟเติบโตแบบก้าวกระโดด จากแนวคิดนี้เอง คุณบอยจึงวางเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายกว่าเดิม คือการสร้างเงินให้ได้ 10 ล้านบาทภายในอายุ 40 ปี

เริ่มต้นกับ Jitta เพราะเทคโนโลยีนั้นเชื่อถือได้

ถึงกระนั้นคุณบอยก็ยังไม่ประสบความสำเร็จจากการเล่นหุ้นเพราะเมื่อเริ่มมีความรู้มากขึ้น คุณบอยเริ่มนำงบการเงินของบริษัทต่างๆ มาอ่านเยอะขึ้น ก็ส่งผลให้รู้สึกเหนื่อยมากกับการลงทุน และดูข้อมูลหุ้นหลายร้อยตัว สุดท้ายเขาก็เลยทิ้งพอร์ตหุ้นไว้เฉยๆ จนได้มาเจอกับ Jitta จากคำแนะนำของคุณฮันท์ ศิระ สัจจินานนท์ CTO และ Co-founder ของ Jitta 

เขาลองเข้าไปใช้ Jitta ตั้งแต่เวอร์ชันแรก มาถึงเวอร์ขั่นปรับปรุง มี Jitta Line และ Jitta Score ช่วยประเมินมูลค่าและคุณภาพของหุ้นโดยไม่ต้องคำนวณเองให้ยุ่งยาก ซึ่งคุณบอยก็ลองใช้เครื่องมือดังกล่าวกับหุ้นไทย โดยเลือกลงทุน Top 5 ตามระบบ แรกๆ ก็มีทั้งหุ้นที่บวกแรงและติดลบบ้าง แต่รวมแล้วมีกำไร เมื่อครบปีจึงรีบาลานซ์พอร์ตใหม่พร้อมทำความเข้าใจใหม่ว่า เขาควรจะกระจายความเสี่ยงมากกว่านี้ 

“เมื่อรู้ว่าควรซื้อหุ้น 20-30 ตัว เราก็มานั่งเคาะซื้อไป ปรากฏว่าเหนื่อยมากเลยจนมาถึงจุดที่เราคิดว่าน่าจะเอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า โชคดีที่ช่วงนั้น Jitta Wealth เปิดตัวกองทุน Jitta Ranking ที่ช่วยจัดการทุกอย่างให้อัตโนมัติ ตั้งแต่เลือกหุ้นจนถึงปรับพอร์ต เลยเปิดพอร์ต Jitta Ranking หุ้นไทยในช่วงเวลานั้น”แต่การลงทุนในหุ้นไทยจะเผชิญภาวะตลาดที่ไม่สู้ดีนัก และทำให้เขาขาดทุน แต่คุณบอยก็มีแบ่งเงินลงทุนไปลงทุนใน Jitta Ranking หุ้นเวียดนาม เพราะเห็นโอกาสเติบโต ซึ่งกลายเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้พอร์ตของคุณบอยเติบโตแตะ 10 ล้านบาทภายในอายุ 40 ปีตามเป้าหมายได้สำเร็จ

ปักหมุดหมายร้อยล้านก่อนเกษียณ

วันนี้คุณบอยตั้งเป้าหมายใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม คือมีเงิน 100 ล้านบาทก่อนอายุ 60 ปี ซึ่งดูไปแล้วไม่ใช่เรื่องเกินจริง ด้วยกลยุทธ์ “ชาวสวน” หรือการลงทุนในช่วงวิกฤติที่คนกำลังหวาดกลัว  

“เห็นมาหลายวิกฤติเศรษฐกิจแล้วว่า “วิกฤติของคนอื่น คือโอกาสของเรา” และทุกๆ 10 ปีจะมีโอกาสครั้งใหญ่ซ่อนอยู่เสมอ”

ดังนั้นเมื่อปี 2563 โลกเกิดวิกฤติโควิดเขากลับเลือกที่จะเปิดพอร์ต Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2563 เรียกว่าเป็นช่วงเริ่มต้นของวิกฤติโควิดก็ว่าได้ ทั้งที่ก็ยังไม่รู้ว่า “หนอง” จะแตกวันไหน แต่คุณบอยกลับระดมเงินสดทั้งหมดจากทุกบัญชีที่มีมาเปิดพอร์ต Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ ชนิดเทหมดหน้าตักก็ว่าได้ และไม่กี่วันจากนั้น หนองก็ระเบิด โลกเข้าสู่ช่วงพีคของโควิด 19 ตลาดหุ้นทั่วโลกแดงเดือดครั้งประวัติศาสตร์​ 

ความมั่นใจที่มีมากขนาดนั้น เพราะเขาได้พิสูจน์หลักการของ Jitta Wealth ผ่านพอร์ต Jitta Ranking หุ้นเวียดนาม ที่ได้เปิดไว้ก่อนหน้าในปี 2562 และพอร์ตพุ่งทะยานอย่างรวดเร็วได้จริง และในวันนี้เองเขาก็ได้เห็นพอร์ต Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จากบวก 100% ใน 3 ปี 3 เดือน เป็นบวก 150% ใน 4 ปี 4 เดือน และล่าสุดพอร์ตของคุณบอยครบ 5 ปี 5 เดือนด้วย +200% (23 มี.ค.63-23 ส.ค.68)

“โควิด มันก็คือวิกฤติครั้งหนึ่งที่ผมมองว่ามันคือโอกาส เราต้องมองว่าทั่วโลกมันมีเม็ดเงินลงทุนมหาศาล เมื่อคนกลัวความเสี่ยงและย้ายเงินจากหุ้นไปพันธบัตร จริงอยู่หุ้นมันมีส่วนหนึ่งที่กระทบจากโควิดแต่มันก็มีหุ้นอีกหลายตัวที่ได้ผลบวกจากโควิด แถมราคาลงมาเยอะ ก็คิดว่าถ้าเราซื้อ เราก็มีโอกาสที่จะทำกำไรได้เยอะ ซึ่งตอนที่ซื้อเวลานั้นหุ้นก็ตกมาเยอะระดับนึงแล้วนะ แต่ก็กลัวรอแล้วตกรถ เพราะเอาจริงๆ เราก็ไม่รู้ว่าเหวมันลึกสุดที่ตรงไหน”

ลงทุนยกกำลังสร้างผลตอบแทนแบบทวีคูณ

และเมื่อเห็นว่าพอร์ตเติบโตมามากแล้ว เมื่อต้นปี 2568 นี้เองคุณบอยก็โยกเงินส่วนหนึ่งใน Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ มาเปิด Jitta Ranking Alpha ที่มาพร้อมกับเครื่องมือ Market Prediction ช่วยประเมินให้ว่า ตลาดไหนมีหุ้นดีราคาถูก และโอกาสเติบโตที่ดีกว่าในแต่ละปี โดยในเวลานั้น Market Prediction ชี้มาที่หุ้นจีน ซึ่งก็เป็นจังหวะที่ดีอีกเช่นเคย เขาลงทุนได้ไม่นาน มาจนถึงวันนี้พอร์ตของเขาบวกมาแล้ว 18.38% (26 ก.พ. 68-26 ส.ค. 68) ซึ่งคุณบอยเปรียบเทียบแล้วว่าผลตอบแทนดีขึ้นกว่าทิ้งไว้ใน Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ จริงๆ 

“เงินเหมือนน้ำ น้ำจะไหลจากที่สูงไปที่ต่ำ แต่เงินจะไหลจากผลตอบแทนต่ำไปสูง หากหุ้นตัวไหนที่ราคาขึ้นเยอะกว่าที่ควรจะเป็น แปลว่าโอกาสในการสร้างผลตอบแทนสูงจะลดลงแล้ว พอกำไรสูงไปก็ต้องคิดว่าจะเอาไปทำอะไรต่อดี ก็ต้องพยายามหาที่ไปต่อที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่านี้ได้”

หลายคนอาจจะสงสัยในจังหวะการลงทุนของคุณบอย เพราะไม่ว่าจะเปิดพอร์ตอะไรสักพักพอร์ตของเขาก็พร้อมพุ่งทยานอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ Jitta Ranking หุ้นเวียดนาม แม้กระทั่งล่าสุดพอร์ต Jitta Ranking Alpha 

คุณบอยบอกว่าหลักคิดในการเลือกพอร์ตลงทุนของเขาไม่ใช่การจับจังหวะตลาด เพราะเอาจริงแล้วเขาดูกราฟไม่เป็นเสียด้วยซ้ำ แต่หลักการของคุณบอยคือการเข้าไปดูข้อมูลหุ้นแต่ละประเทศใน jitta.com แล้วเลือกตลาดที่มีหุ้นที่ under value อยู่จำนวนมาก จึงจะตัดสินใจซื้อ ซึ่งเป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับหลักการ Market Prediction ของ Jitta Ranking Alpha นั่นเอง

แท้จริงแล้ว ไม่ใช่ทุกพอร์ตจะเป็นบวก ทุกวันนี้คุณบอยยอมรับว่า พอร์ตของเขาก็ยังมีบางพอร์ตที่ติดลบอยู่เช่น Thematic DIY หรือ Jitta Ranking หุ้นไทย ซึ่งเขาก็ยังคงที่จะถือหุ้นไทยต่อไปเพราะมองว่าโอกาสที่ตลาดจะลดลงไปมากกว่าเดิมอาจจะน้อยลงแล้ว และหลายธุรกิจในไทยที่ยังมีศักยภาพที่ดี ส่วน Thematic DIY ทุกวันนี้เขาก็เชื่อว่าการ DCA จะช่วยให้พอร์ตฟื้นกลับมาได้ เช่นเดียวกับ Global ETF ที่เขาใช้พิสูจน์หลักการ DCA มาแล้ว และเห็นผลบวกที่ชัดเจน 

และไม่ว่าจะอย่างไร พอร์ตของคุณบอยถือว่ามีการกระจายความเสี่ยงที่หลากหลาย และหลายพอร์ตที่เป็นบวกก็ทำให้พอร์ตรวมของเขาเติบโตไปไกลมากๆ แล้ว จนทำให้เขาเชื่อมั่นว่าเป้าหมายที่จะมีเงิน 100 ล้านบาทก่อนเกษียณ เป็นไปได้ถ้ามี Jitta Wealth เคียงข้างตลอดเส้นทาง

สมดุลความสุขที่ได้มาพร้อมกับความมั่งคั่ง

นอกเหนือจากการจัดการการเงินอย่างรอบคอบ ทั้งการลงทุนแล้วเขายังให้ความสำคัญกับมิติด้านการเงินอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนลดหย่อนภาษี หรือแม้แต่การรีไฟแนนซ์คอนโดมิเนียมทุก 3 ปีเพื่อลดดอกเบี้ย ตลอดจนการเลือกใช้บัตรเครดิตและโปรโมชันต่างๆ ให้คุ้มค่า 

เพราะไม่ใช่คนฟุ้งเฟ้อ หรือติดแบรนด์เนม และเลือกที่จะใช้เงินไปกับสิ่งที่จำเป็นก่อน เช่นการลงทุนเพื่ออนาคตแล้วจึงจะนำไปใช้กับสิ่งที่สร้างความสุขที่คุ้มค่าให้กับตัวเองอย่างการท่องเที่ยวเพื่อสร้าง ‘ประสบการณ์ดีๆ’ ให้ตัวเองและครอบครัว ​เพราะเชื่อว่าความสุขจากการเดินทางจะอยู่กับเราได้นานกว่า และถ้าวันหนึ่งเก็บครบ 100 ล้านจริงๆ เขาสัญญาไว้แล้วว่า จะพาแฟนนั่ง Business Class ไปเที่ยวทั่วโลกให้สมใจ 

อีกหนึ่งเคล็ดลับในการสร้างความมั่งคั่งให้มีความสุขคือ การหมั่นทำบุญที่จะเป็นการสร้างโอกาสให้เราได้ฝึก “จาคะ” หรือการสละเพื่อผู้อื่น และยังคงทำบุญไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล งานวิจัยพัฒนา หรือวัดที่เน้นสอนเรื่องวิธีการพ้นทุกข์ ซึ่งเขาเชื่อว่าการที่มนุษย์ได้ฝึกที่จะสละบางอย่างออกไป มันช่วยในการตัดสินใจเรื่องการลงทุนได้ดีขึ้นนะ เปรียบเทียบแล้วเหมือนการได้ละความโลภออกไปจากใจ แล้วสุดท้ายความสุขก็จะกลับมาหาเราเอง

แน่นอนว่าการใช้เงินหลังจากนั้นเขาตั้งใจว่าจะทยอยถอนเงินลงทุนออกมาใช้จ่ายตามความต้องการที่วางไว้ โดยอาจจะสับเปลี่ยนการลงทุนได้หากในอนาคต Jitta Wealth มีโปรดักส์ใหม่ๆ ออกมาตอบโจทย์ชีวิตในวัยเกษียณของเขา