คุณชยากร พงษ์พยัคเลิศ

mama 3 กรกฎาคม 2025

คุณชยากร พงษ์พยัคเลิศ

แพทย์ประจำโรงพยาบาลศัลยกรรมความงาม

ตั้งสติ ทบทวนว่าเรายังอยู่ในเส้นทางของตัวเองหรือเปล่า หากเปลี่ยนมุมมอง หรือ Mindset ไปตามภาวะตลาด จะไปถึงเป้าหมายได้ยาก หรืออาจจะไม่ถึงเลยก็ได้ กับ Global ETF +24.21%

#รีวิวJittaWealth
Keep going ลงทุนตาม Mindset ที่ยึดมั่น เดินหน้าพอร์ตเติบโต 

Mindset การลงทุนที่ดีจะช่วยให้เราฝ่ากระแสคลื่นลมในตลาดลงทุนที่แสนจะผันผวนไปได้เสมอ โดยเฉพาะอาชีพ “หมอ” ที่เวลาจำกัดและถูกเร่งรัดด้วยชีวิต คุณชยากร พงษ์พยัคเลิศ แพทย์ประจำโรงพยาบาลศัลยกรรมความงาม จึงมี Mindset ในการทำงานว่า ต้อง “เต็มที่” กับงานตรงหน้าให้ดีที่สุด จึงเลือกที่จะลงทุนโดยไม่ต้องเสียเวลา “เฝ้าพอร์ต” มี Mindset การลงทุนระยะยาว ที่พร้อมฝ่าฟันทุกสถานการณ์ไปกับพอร์ตลูกรักอย่าง Global ETF +24.21% (ตั้งแต่ 12 ม.ค. 64 – 8 พ.ค. 68)

คุณชยากรเริ่มต้นการลงทุนจากกองทุนลดหย่อนภาษี เพราะไม่ได้มีความรู้เรื่องการลงทุนมากนัก แต่ก็ต้องการใช้สิทธิทางภาษีระหว่างการทำงานราชการช่วงแรกๆ  จนกระทั่ง วันที่ตัดสินใจลาออกมาทำงานเอกชนของตัวเองและเริ่มมีรายได้เพิ่มขึ้น จึงเริ่มตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องรู้เรื่องการลงทุน​  เป็นที่มาในการมองหาและศึกษาหาฟัง จนได้มีโอกาสฟังโค้ชหนุ่มที่พูดถึง Jitta Wealth 

แต่ช่วงแรกเขายังไม่มีกระแสเงินสดมากพอที่จะลงทุน​ จึงคอยติดตามฟังไอเดียของคุณเผ่า ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO Jitta Wealth มาได้สัก 1-3 ปี ควบคู่ไปกับการทดลองลงทุนในพันธบัตร หุ้น กองทุนทั้งต่างประเทศและในประเทศ และเมื่อเก็บสะสมกระแสเงินสดได้มากพอจึงเริ่มต้นลงทุนกับ  Jitta Wealth  ด้วยการเปิด Global ETF เป็นพอร์ตแรก

“ทดลองลงทุนไปสักพัก เราก็รู้ว่าไม่ใช่สายเฝ้าดูจอคอยเทรด เราเป็นคนทำงานเยอะ ก็มี Mindset ว่าจะทำงานให้ดีที่สุด แล้วเอาเม็ดเงินมาวางกับการลงทุนที่ไม่ต้องเฝ้า ให้เติบโตไปเรื่อยๆ แล้วปล่อยให้คนที่มีความรู้บริหารพอร์ตให้” 

Global ETF รับจบ ยกให้เป็นพอร์ตลูกรัก

และในจังหวะชีวิตที่รุ่งเรือง มีรายได้เข้ามามาก คุณชยากรจึงเปิดพอร์ตอื่นๆ ตามมาเพิ่มเติม ได้แก่ Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ Jitta Ranking หุ้นเวียดนาม และ Jitta Ranking หุ้นจีนพร้อมกับอัดเงินเข้าไปเต็มที่ แถมยัง DCA เงินเข้าไปเรื่อยๆ ในทุกๆ พอร์ตที่มีด้วยความไฟแรง และเชื่อมั่นในหลักการที่ว่า ขยัน อดทน ทำงาน นำเงินมา DCA แล้วให้เวลาอยู่ข้างเรา 

แต่ในความเป็นจริง ชีวิตไม่ได้ราบเรียบและง่ายเช่นนั้นไปได้ตลอด เขาต้องเผชิญการเปลี่ยนแปลงในชีวิตครั้งใหญ่ กระทบต่อสภาพคล่องที่เคย “เหลือเฟือ” ทำให้ต้องหยุดการ DCA แบบจัดหนักออกไป กลยุทธ์ที่คุณชยากรปรับใช้จึงเป็นการลดวงเงินการ DCA ลง และคอยสลับพอร์ตการ DCA ด้วยการจับจังหวะมากขึ้น และนั่นก็ทำให้เขายกให้ Global ETF เป็นพอร์ตลูกรัก

“ตอนที่มีเงินเยอะก็ DCA ไว้เยอะ  แต่หลังโควิด ตลาดปรับขึ้นไปพีค​ หลังจากนั้นก็ผันผวนและลงมามาก แต่พอร์ตที่ยังบวกเยอะ คือ Global ETF เพราะเป็นพอร์ตที่มีตราสารหนี้เข้ามาสร้างสมดุล ทำให้พอร์ตไม่เหวี่ยงมาก  แต่บางพอร์ต​ก็ได้สวิชพอร์ตบางส่วนไป Jitta Ranking Alpha เพราะชอบนโยบายใหม่นี้ด้วย”

คุณชยากรยอมรับว่า การ DCA ในทุกสภาวะเป็นหลักการที่ถูกต้อง แต่โดยส่วนตัว เขายังไม่เชื่อเรื่องการ DCA ในตลาดขาลงมากนัก เขาเชื่อในเรื่องของเทรนด์ ว่าการ DCA ในจังหวะขาขึ้นจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานี้ที่​ความรู้สึกของนักลงทุนส่วนใหญ่ยังมองเห็นถึงความไม่แน่นอนของตลาด ดังนั้นหากเทรนด์ยังเป็นขาลงระยะยาว เขาจะไม่ขยัน DCA มากนัก จนกว่าจะเห็นเทรนด์ที่ชัดเจนเสียก่อน แต่ในช่วงที่ตลาดหุ้นเป็นขาลง เขาจึงเลือกกระจายการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ที่หลากหลายมากขึ้น  เช่น ทองคำ หรือคริปโทเคอร์เรนซี  

ถือยาวพร้อมส่งต่อสู่ลูกหลาน

การลงทุนในหุ้นของคุณหมอหนุ่มวัย 34 คุณชยากร มีเป้าหมายคือการลงทุนระยะยาว เก็บเงินลงทุนให้เติบโตพร้อมส่งต่อเป็นมรดกให้ลูกหลานในอนาคต โดยเฉพาะพอร์ตที่มีกับ Jitta Wealth ที่เขาไม่คิดจะขายออก ไม่ว่าตลาดจะเป็นขาลงไปมากเพียงไร หรือผันผวนขนาดไหนก็ตาม อย่างมากก็แค่หยุดใส่เงินแล้วรอดูท่าที หรือสวิชพอร์ตบ้าง​ แต่จะไม่เคยออกจากตลาดหุ้นเลย แม้ว่าตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไร จะลงไปถึงไหน หรือจะผันผวนอย่างไรก็ตาม

“ผมมี Mindset ว่าตลาดหุ้นจะลงขนาดไหน ผมก็จะไม่เคยขายออก ยิ่งพอร์ตที่ลงทุนกับ Jitta Wealth มีความตั้งใจว่าจะไม่ขายเลย แต่จะเก็บไว้เพื่อการเกษียณหรือการส่งต่อมรดกให้ลูก เพราะเราไม่ได้มีเป้าหมายว่าจะลงทุนเพื่อเอาไปใช้ส่งลูกเรียนหรือ ซื้อรถใดๆ  เราสามารถใช้กระแสเงินสด หรือเงินที่อยู่ในพันธบัตร​ได้”  

เจอวิกฤติในชีวิตมาแล้ว แต่สำหรับการลงทุนสำหรับคุณชยากร ยังไม่เคยเจอ big shot  เพราะเขาเองเพิ่งลงทุนมาได้ 7-8 ปีเท่านั้น​  หนักที่สุดก็น่าจะเป็นช่วงโควิดเมื่อ 4-5 ปีก่อน ซึ่งเวลานั้นพอร์ตของเขาก็ยังเล็กมากๆ คุณชยากรจะเปิดพอร์ตดูราวเดือนละครั้งโดยประมาณ พอร์ตที่เคยเห็นติดลบหนักที่สุดคือราว  30-40% แต่เขาก็ไม่ได้ตกใจ หรือตัดสินใจเร่งขายออกแต่อย่างใด เขาเลือกที่จะมองหาสาเหตุที่ทำให้พอร์ตติดลบมากกว่า และอาจจะใส่เงินเพิ่มในบางโอกาส 
 
“อย่างตอนที่หุ้นตกลงมาเยอะๆ ดัชนีหุ้นไทยลงไปเหลือ 900 จุด เราก็ยังเข้าไปซื้อได้ ก็พิสูจน์ Mindset ได้ว่าเราไม่ได้กลัววิกฤติแต่มองเป็นโอกาส  หากงบการเงินหรือฐานะบริษัทยังดี เราก็เข้าไปลงทุนได้ สเกลเวลาของผมมันยาว ทำเป็นนิสัยแล้ว ​ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงผมได้เลย ไม่ว่าจะเข้าไปแล้วเห็นพอร์ตบวกหรือลบ ผมไม่ขายอยู่แล้ว มีแต่ใส่เงินเพิ่ม ฉะนั้นตอนมันลงไปเท่าไรก็ไม่ได้ดู แต่ดูเป็นภาพรวมมากกว่าว่าปีนี้เวลธ์เราเปลี่ยนแปลงไปเท่าไรบ้าง จะไม่ได้จดจ่อ หรือตามดูทุกวันทุกสัปดาห์”

Mindset ฝ่าวิกฤติ ลงทุนต่อเนื่องได้

และล่าสุดปีนี้ที่ตลาดโลกกำลังตื่นตระหนกกับนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ​คุณชยากรยอมรับว่าภาวะตลาดที่ผันผวนส่งผลกระทบให้พอร์ตของเขาขึ้นลบค่อนข้างมาก แต่ถึงกระนั้นเขาก็มองว่ามันไม่ได้กระทบต่อความรู้สึกในการลงทุนของเขาเช่นเดิม โดยเฉพาะ   Mindset  การลงทุนที่ยังคงเดิม 

 “มันเป็นแค่ Noise ในช่วงระยะเวลานึงเท่านั้น   หากเรายึดมั่นเรื่อง  Mindset  การลงทุน เราก็ต้อง Keep going ต่อไป เราก็ไม่รู้ว่า พรุ่งนี้พอร์ตจะบวกเท่าไรหรือลบเท่าไร นโยบายจะออกอะไรมาหรือผ่อนปรนอย่างไรอีก เราไม่มีทางคาดการณ์ได้ เราก็ไม่ต้องไปคาดการณ์คนอื่น แค่เดินไปในทิศทางของเราก็เพียงพอ ผมว่ามันน่าจะง่ายกว่า แค่ zoom out กราฟดู จุดเล็กๆ เราก็ไม่สนใจอยู่แล้ว”
 
สุดท้ายคุณชยากรยังฝากถึงเพื่อนๆ นักลงทุนที่กำลังเผชิญภาวะความผันผวนในโลกการลงทุนว่า โดยส่วนตัวเขายังเชื่อว่า การลงทุนต้องอาศัยระยะเวลาและวินัย การลงทุนระยะยาวจริงๆ ต้องเข้าใจในสิ่งที่เราลงทุนมากกว่าพึ่งอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ แต่ในภาวะเช่นนี้เรื่อง emotional สำคัญสุด ดังนั้นเพื่อนๆ นักลงทุนต้องตั้งสติ เดินตามเส้นทางที่วางไว้    หากปล่อยให้อารมณ์มาอยู่เหนือหลักการ อาจจะไปไม่ถึงเป้าหมายได้

“หากตลาดขาขึ้น เราก็จะไม่ FOMO เร่งใส่เงินเข้าไป หรือตลาดขาลงมากๆ เราก็จะไม่รีบขายออกไป  ต้องตั้งสติตัวเองก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น เรายังอยู่ในเส้นทางของตัวเองหรือเปล่า หากเราอยู่ในเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งแล้ว เราก็ควรทำตามสเต็ปของเราไป หากเปลี่ยนมุมมอง หรือ  Mindset ไปตามภาวะตลาด เราจะไปถึงเป้าหมายได้ยาก หรืออาจจะไม่ถึงเลยก็ได้  และในตลาดขาขึ้นคนจะหาเงินง่าย พอร์ตบวก มีความสุข แต่พอตลาดไม่ดี คนจะเริ่มออกมาโพสต์บ่น ตลาดไม่ดี อย่างนู้นอย่างนี้ไม่ดี ผมเคยเห็นแบบนี้มาตลอด ดังนั้นไม่ต้องกลัวตลาดขาลง  ​อยากให้มองเป็นโอกาสมากกว่าปล่อยอารมณ์ให้แกว่งตามตลาด​” 

*ศึกษาข้อมูลนโยบายการลงทุนและผลตอบแทนย้อนหลังของแต่ละนโยบายได้ที่ jittawealth.com

**ผลตอบแทนในอดีต ไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนต่างประเทศอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

ลงทุนด้วยหลักการที่ถูกต้องกับ Jitta Wealth

ลงทุนอย่างสบายใจ กำไรอย่างยั่งยืน